แม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างไรบ้าง

1
0

29-40 สัปดาห์แรกของคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างไรบ้าง ?

ไฟล์แนบ:
ทำเครื่องหมายว่าเป็นสแปม
Posted by (คำถาม: 11, คำตอบ: 33)
Asked on มีนาคม 14, 2025 9:10 am
33 views
1
NATUR ชวนคุณแม่ตั้งครรภ์มาเช็กอาการสำคัญและการเปลี่ยนแปลงในช่วง 29-40 สัปดาห์แรกนั้น รวมถึงพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ช่วง 7-9 เดือนแรกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันบ้าง พร้อมเช็กสุขภาพและอาการของคุณแม่ให้พร้อมรับเบบี๋ตัวน้อยกัน! ปวดหลัง เพราะหลังของคุณแม่ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น รวมทั้งกระดูกเชิงกรานก็ต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก ทำให้คุณแม่ปวดหลัง ปวดสะโพก การป้องกันแก้ไขคือต้องปรับท่าทางการยืนให้ตรง เดินให้ตัวตรงมั่นคงไม่ยกของหนักหรือก้มตัวเก็บของ สวมรองเท้าส้นเตี้ยที่เดินสบาย ไม่ยืนหรือเดินนานเกินไป จะช่วยลดอาการปวดหลังของคุณแม่ได้ ปัสสาวะบ่อย เกิดจากมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะเวลาลูกดิ้นก็อาจจะยิ่งทำให้คุณแม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น “ควรหมั่นสังเกตตนเองขณะตั้งครรภ์ หากรู้สึกผิดสังเกตให้รีบไปพบแพทย์ทันที” หายใจลำบาก ด้วยเพราะลูกน้อยที่เติบโตขึ้นร่วมกับมดลูกขนาดใหญ่ที่อาจจะไปเบียดปอด ทำให้คุณแม่อาจมีอาการหายใจไม่สะดวก หายใจไม่ทันหรือเหนื่อยหอบได้ แต่หากหอบมากหรือมีอาการหายใจไม่ออก ต้องรีบไปพบแพทย์ เริ่มเจ็บท้องเตือน คุณแม่อาจมีอาการที่เรียกว่าเจ็บท้องหลอกหรือเจ็บเตือน (Braxton Hicks Contraction) ที่เกิดจากมดลูกซ้อมการหดรัดตัวก่อนเจ็บท้องคลอดจริง โดยอาการเจ็บท้องเตือนมักเจ็บๆ หาย ๆ ไม่สม่ำเสมอและไม่เจ็บมาก คุณแม่บางคนจะบอกว่าคล้ายการปวดประจำเดือน แต่หากอาการเจ็บท้องเกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ สม่ำเสมอและเจ็บนานขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นการเจ็บท้องจริงได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เจ็บท้องคลอดจริง ก่อนหน้านี้คุณแม่เคยมีอาการเจ็บท้องเตือนจากการที่มดลูกบีบตัวไม่สม่ำเสมอมาแล้ว มาครั้งนี้จะต้องเจอกับอาการเจ็บท้องคลอดจริง ได้แก่ การเจ็บท้องถี่ ๆ จากทุก 10 นาทีก็จะลดลงเหลือ 8 นาที และทุก ๆ 5 นาที และเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ มีอาการเจ็บปวดนาน ร่วมกับอาการท้องแข็ง และรู้สึกเจ็บปวดจากหลังมายังหน้าท้อง มีมูกเลือด ทางช่องคลอด เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่จะบอกว่าคุณแม่ใกล้คลอดลูกน้อยในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง อาการคือคุณแม่จะมีหยดเลือดสีชมพู สีแดงหรือสีน้ำตาลไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดและมูกเหนียวบริเวณปากมดลูกขาดและหลุดออกมาเพื่อเตรียมตัวคลอดลูกน้อยนั่นเอง น้ำคร่ำแตก มักจะเกิดเมื่อคุณแม่มีอาการเจ็บท้องคลอดแล้ว แต่ก็มีคุณแม่บางรายที่น้ำคร่ำแตกก่อนที่จะเจ็บท้องคลอดจริง ดังนั้นหากคุณแม่น้ำคร่ำแตกแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและเตรียมคลอดทันที “หากคุณแม่มีอาการบวมบริเวณใบหน้า มือ ร่วมกับอาการปวดหัว เวียนหัว หน้ามืด เจ็บหน้าท้องส่วนบน น้ำหนักขึ้นเร็วผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของครรภ์เป็นพิษได้” พัฒนาการลูกในครรภ์อายุ 7-9 เดือน ลูกรักเติบโตแข็งแรง ฉลาด แถมยังมีเซลล์ประสาทในสมองมากจนเกือบเท่าผู้ใหญ่ กระดูกส่วนต่าง ๆ เริ่มแข็งแรง ยิ่งใกล้คลอด ปอดจะพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมหายใจเองหลังคลอด ช่วงนี้ลูกรักมีลำตัวยาวประมาณ 49-51 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 2,800-3,000 กรัม การนับลูกดิ้น คุณแม่เริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นตั้งแต่อายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์ (ท้องหลังอาจรู้สึกเร็วกว่านี้) โดยการนับลูกดิ้นเป็นการเช็กง่าย ๆ ถึงสุขภาพของลูกในท้องได้ คุณแม่สามารถเริ่มนับลูกดิ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป แนะนำให้นับหลังกินอาหาร 1 ชั่วโมงทุกมื้อ (3 มื้อ) หากลูกดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เทคนิคเสริมสร้าง พัฒนาการลูกรัก เพราะลูกรักเริ่มลืมตาและมองเห็นแสงสว่างจากภายนอกครรภ์คุณแม่ได้ จึงควรกระตุ้นการมองเห็นให้ลูกด้วยการพูดคุยร่วมกับส่องไฟฉาย อาจทำในช่วงเย็นหลังมื้ออาหาร พร้อมกับบอกลูกว่า “ลูกจ๋า นี่แม่นะจ๊ะ เห็นแม่ไหม แม่รักหนูนะลูก” เท่านี้ก็ช่วยพัฒนาเซลล์ประสาทด้านการมองเห็นให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นได้ สังเกตอาการอันตราย! ที่แม่ท้องต้องไปพบแพทย์ อาเจียนรุนแรงจากอาการปวดศีรษะหรือมีไข้ตัวร้อน อุณหภูมิมากกว่า 37 องศาเซลเซียส มองเห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพเบลอ หรือเห็นเป็นจุด ๆ ลอย ๆ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง พูดไม่ชัด มีอาการชาร่วมด้วย ปวดท้องมากคล้ายปวดประจำเดือน มากกว่า 4 ครั้งต่อวัน หรือไม่ปวดแต่รู้สึกว่ามดลูกบีบตัวมากกว่า 4 ครั้งต่อวัน มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ ตกขาวมีสีและกลิ่นผิดปกติ ใบหน้าบวม ดวงตาบวม มีอาการขาบวมเท้าบวม ข้อเท้าบวมเฉียบพลัน หรือน้ำหนักขึ้นเร็วมากกว่า 1.5 กิโลกรัม ใน 1 สัปดาห์ ท้องผูกรุนแรง ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง เป็นลม เวียนหัวบ่อย ใจเต้นแรง ใจสั่น ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ลูกดิ้นน้อย เคลื่อนไหวน้อยลง หรือรู้สึกว่าลูกไม่ดิ้น มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือน้ำคร่ำแตก CHECKLIST ไอเทมจำเป็นเตรียมตัวก่อนคลอด! กับของ MOM ต้องมี ! เครื่องปั๊มนม แผ่นซับน้ำนม ถุงเก็บน้ำนม ผ้าคลุมให้นม หมอนให้นม ถ้วยป้อนนมแม่ กรณีคุณแม่เจ็บหัวนม ควรใช้ถ้วยป้อนนมให้ลูกเพื่อป้องกันลูกติดขวดนม อุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น เครื่องนึ่งขวดนมหรือเครื่องอบฆ่าเชื้อ แปรงล้างขวดนมและผลิตภัณฑ์ล้างขวดนม ขวดนม จุกนม (เมื่อคุณแม่ต้องไปทำงานนอกบ้านหรือคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องหัวนม) เสื้อชั้นในให้นม เสื้อผ้าสำหรับให้นมสะดวก 2-3 ชุด กระติกน้ำแข็ง กระเป๋าเก็บความเย็น Cool/Ice Pack ใช้เก็บรักษาน้ำนมแม่ที่ปั๊มไว้ เตรียมอุปกรณ์ของใช้ให้ลูกรัก ขอแนะนำให้คุณแม่ทำเช็กลิสต์ของใช้ในการเลี้ยงลูกและของใช้ในวันไปคลอด เพื่อให้มีของจำเป็นพร้อมครบถ้วนที่สุด Baby Checklist Clothing เสื้อผ้าผูกป้ายแขนสั้น +กางเกงขาสั้น 2-3 ชุด เสื้อผูกป้ายแขนยาว + กางเกงขายาว 2-3 ชุด ถุงมือ + ถุงเท้า อย่างละ 1-2 คู่ เสื้อคลุมเมื่อเดินทาง หมวกเด็กอ่อน 2 ใบ ผ้าห่อตัว 2 ผืน ผ้าอ้อมผ้า 3-4 โหล ผ้าอ้อมสำเร็จรูป 2 ห่อ ไม้แขวนเสื้อ 2 โหล ที่ตากผ้าอ้อมแบบหนีบ Feeding เครื่องปั๊มนม ถุงเก็บน้ำนม กระติกน้ำร้อน ขวดนมเด็กแรกเกิด จุกนมเด็กแรกเกิด ผ้าคลุมให้นม กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ ครีมทาหัวนม ชุดชั้นในให้นม ถ้วยป้อนน้ำนม Cleaning น้ำยาซักผ้าเด็ก น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก น้ำยาล้างขวดนม และจุกนม ทิชชูเปียก สำลีแผ่น สำลีก้อน สำลีก้านเล็ก/คอตตอนบัด แปรงล้างขวดนมและจุกนม เครื่องนึ่งขวดนม เครื่องอบฆ่าเชื้อ Bathing อ่าง/กะละมังอาบน้ำเด็ก เก้าอี้อาบน้ำเด็ก แชมพู/ครีมอาบน้ำเด็ก หมวกสระผมกันแชมพู โลชัน/เบบี้ ออยล์ ผ้าเช็ดตัว ฟองน้ำ Sleeping เตียงนอน/ที่นอนเด็ก ฟูก/เบาะนอน หมอนหนุน/หมอนหลุม หมอนข้างเด็ก ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้ายางรองกันฉี่ มุ้งเตียง/มุ้งครอบ เปลโยก Health & Safety คาร์ซีท รถเข็นเด็ก เป้อุ้มเด็ก ปรอทวัดไข้ ที่ดูดน้ำมูก เจลแปะลดไข้เด็ก ยาแก้ท้องอืด ครีมทากันยุง กรรไกรตัดเล็บ ครีมทาแมลงกัดต่อย ครีมทาก้นเด็ก
( at มีนาคม 14, 2025 9:10 am)